ประวัติของพระเยซู
พระเยซูประสูติเมื่อ ปีค.ศ. 1 เป็นบุตรชายของนางมารีย์
และโยเซฟ ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่นาซาเรธ แคว้นกาลิลี นางมารีย์
ได้หมั้นหมายไว้กับโยเซฟ ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกัน ได้มีทูตสวรรค์ คือ กาเบรียลเข้าบ้านมาหานางมารีย์แล้วกล่าวว่า “ดูเถิด
เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู” ฝ่ายโยเซฟเมื่อทราบว่ามารีย์ตั้งครรภ์แล้ว
ก็ไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องนี้ จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างลับๆ
แต่มีทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟบุตรดาวิด
อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย
เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิ์ในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์” โยเซฟจึงทำตามคำนั้น คือได้รับนางมารีย์มาเป็นภรรยา แต่มิได้สมสู่กับเธอ
ขณะที่นางมารีย์มีครรภ์แก่ใกล้กำหนดคลอด โยเซฟได้พาภรรยาไปยังเบธเลแฮมเพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัวจากคำสั่งของจักรพรรดิ์ออกัสตัส
และเนื่องจากไม่สามารถหาโรงแรมได้ พระกุมารจึงกำเนิดขึ้น ณ รางหญ้า นางมารีย์จึงนำผ้าพันกายพระกุมารเอาไว้
คืนนั้นทูตสวรรค์ปรากฏแก่พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาจึงตกใจมาก แต่ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่ากลัวไปเลย เรามาเพื่อประกาศข่าวดี คืนนี้เองในเมืองของกษัตริย์ดาวิด
มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า
นี่จะเป็นหลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมาร
มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า” บรรดาคนเลี้ยงแกะ
และเหล่านักปราชญ์ที่เดินทางไปเรื่อย ๆ
เดินไปยังคอกสัตว์และถวายเครื่องบรรณาการสามสิ่ง คือ ทองคำสำหรับกษัตริย์ กำยาน (
เครื่องหอมคุณภาพดี) มอบแด่นักบุญนักบวช และมดยอบ (ยางไม้มีกลิ่นหอม)
สำหรับผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานและเสียชีวิต เมื่อกลับมาอยู่ที่นาซาเรธ
ก็ได้รับการศึกษาตามสมควร ปรากฏว่าได้แสดงความเฉลียวฉลาด เมื่ออายุได้ประมาณ 30
ปี ได้เริ่มสั่งสอนตามลำพัง เรียกตนเองว่าบุตรพระเจ้า
ชาวยิวที่นับถือจึงเชื่อกันว่า พระเยซู คือ
พระเมสสิอาห์ที่พระเจ้าโปรดให้ลงมาเพื่อไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์
พระองค์ทำอัศจรรย์ต่างๆมากมาย เช่น ช่วยรักษาคนเจ็บ (ขับไล่ภูตผีปีศาจ)
ทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ และสามารถปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพ
แต่ชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่เคร่งครัดในศาสนาเดิมโกรธแค้นว่าพระเยซูจะทำการแบ่งแยกศาสนา
ทางข้าหลวงโรมันก็เห็นว่าพระเยซูจะก่อการปฏิรูปสังคมและซ่องสุมคน
จึงทำให้พระเยซูถูกกุมตัวขึ้นศาล และถูกประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขน
พระองค์สิ้นพระชนม์ ณ เนินเขาโกลโกธา (Golgotha) นอกเมืองเยรูซาเล็ม
ต่อมามีข่าวลือว่าพระเยซูทรงกลับฟื้นคืนชีพ
และปรากฏตัวให้บรรดาสานุศิษย์ที่จงรักภักดีได้เห็น บรรดาสาวกจึงจัดตั้งเป็นกลุ่ม
เพื่อสั่งสอนศาสนาตามแนวทางของพระคริสต์ไปตามที่ต่างๆ
ต่อมาคริสต์ศาสนาจึงเป็นศาสนาที่สำคัญของโลก
ศาสนาเดิมของยิวยิวเชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น คือ พระยะโฮวาห์ ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก สร้างฟ้า สร้างพระอาทิตย์ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต พระองค์ทรงสร้างเสร็จภายใน 6 วัน วันที่ 7 ทรงหยุดพัก ต่อมาทรงนำดินเหนียวมาปั้นเป็นมนุษย์ผู้ชาย ซึ่งคือ อาดัม จากนั้นจึงหักซี่โครงอาดัมมา 1 ซี่ มาสร้างเป็นมนุษย์ผู้หญิง นั่นคือ เอวา พระองค์ให้ทั้งอยู่ในสวนที่มีแต่ความสมบูรณ์ สามารถทำทุกอย่างในสวนได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกินผลไม้สีแดงในสวนเด็ดขาด แต่มนุษย์ทั้ง 2 ละเมิดคำสั่งของพระเจ้า พระองค์จึงขับไล่ออกจากสวนและสาปให้ได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆเป็นอันมาก นอกจากนี้มนุษย์ที่สืบเชื้อสายจากมนุษย์ทั้ง 2 ก็ต้องได้รับผลกรรมเช่นเดียวกัน ดังที่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน
ศาสนาเดิมของยิวยิวเชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น คือ พระยะโฮวาห์ ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก สร้างฟ้า สร้างพระอาทิตย์ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต พระองค์ทรงสร้างเสร็จภายใน 6 วัน วันที่ 7 ทรงหยุดพัก ต่อมาทรงนำดินเหนียวมาปั้นเป็นมนุษย์ผู้ชาย ซึ่งคือ อาดัม จากนั้นจึงหักซี่โครงอาดัมมา 1 ซี่ มาสร้างเป็นมนุษย์ผู้หญิง นั่นคือ เอวา พระองค์ให้ทั้งอยู่ในสวนที่มีแต่ความสมบูรณ์ สามารถทำทุกอย่างในสวนได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกินผลไม้สีแดงในสวนเด็ดขาด แต่มนุษย์ทั้ง 2 ละเมิดคำสั่งของพระเจ้า พระองค์จึงขับไล่ออกจากสวนและสาปให้ได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆเป็นอันมาก นอกจากนี้มนุษย์ที่สืบเชื้อสายจากมนุษย์ทั้ง 2 ก็ต้องได้รับผลกรรมเช่นเดียวกัน ดังที่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน